คดีนี้เป็นหนึ่งคดีสะเทือนขวัญของอเมริกา เป็นคดีกราดยิงโรงเรียนประถมเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว มีคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ตัวฆาตกรกลับได้มีชื่อเสียง และสาเหตุที่ฆาตกรสารภาพว่าลงมือไปก็เพราะว่าเธอ “เกลียดวันจันทร์”
ในช่วงยุค 70s ที่ซานดิเอโก อเมริกา มีเด็กสาวคนนึงชื่อว่า เบรนด้า เบรนด้าอาศัยอยู่สองคนกับพ่อ บ้านอยู่ในละแวกที่โอเค มีโรงเรียนตั้งอยู่ตรงข้าม พ่อแม่ของเธอแยกทางกัน คนเป็นแม่ต้องการมีชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่ เธอเลยได้อยู่กับพ่อ บ้านของเบรนด้าแทบจะไม่มีข้าวของอะไรเลย เธอกับพ่อต้องนอนเตียงเดียวกัน อาหารที่เก็บไว้ในบ้านก็แทบไม่มี จะมีก็แต่ขวดเหล้าที่พ่อกินเหลือ พ่อของเธอติดเหล้ามาก และมีข้อมูลว่าเธออาจจะถูกพ่อล่วงละเมิดด้วย ส่งผลให้พอเบรนด้าโตเป็นสาวเลยเป็นคนเก็บตัว เหม่อลอย ใส่เสื้อผ้ามิดชิด เบรนด้าไม่ค่อยสนใจการเรียน และเธอเริ่มมีอาการซึมเศร้า พยายามจบชีวิตตัวเอง เธอพยายามบอกพ่อเรื่องนี้ เวลาต่อมาพ่อก็เลยซื้อของขวัญให้เธอเป็นปืนไรเฟิล ทั้งที่เบรนด้าไม่ได้มีงานอดิเรกยิงปืนด้วยซ้ำ แต่พอได้ปืนมาเบรนด้าก็เอาไปลองใช้ยิงนกยิงเป็ด ล่าสัตว์ไปตามเรื่องกับพ่อ
วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 1979 คนที่อยู่ในอาคารโรงเรียนประถมตรงข้ามบ้านเบรนด้าก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นเหมือนเสียงปืน พอออกไปดูก็พบว่ามีคนยิงเข้ามาในโรงเรียนจากฝั่งตรงข้าม ครูใหญ่ก็รีบออกไปช่วยเด็กๆ แต่โดนยิงจนเสียชีวิต ภารโรงที่จะช่วยเด็กๆ ก็โดนยิงเหมือนกัน เหตุการณ์ครั้งนี้กินเวลาประมาณสิบห้านาที แต่โชคดีที่มีรถขยะขับผ่านมาบังระหว่างโรงเรียนและเบรนด้า ทำให้ได้โอกาสช่วยเด็กๆ ออกมา เบรนด้าก็ได้ทำให้คนเสียชีวิตไปสองคน (ครูใหญ่กับภารโรง) เด็กๆ และตรบาดเจ็บอีกทั้งหมดเก้าคน หลังจากจบเรื่องเบรนด้าก็เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่ก็ทำการล้อมบ้านไว้ แต่เบรนด้าก็ขังตัวเองในบ้านร่วมหลายชั่วโมง ระหว่างนั้นก็มีนักหนังสือพิมพ์โทรเข้าไปหาเธอด้วย ถามว่าทำไมเธอถึงลงมือ เบรนด้าก็บอกผ่านโทรศัพท์ว่า “หนูเกลียดวันจันทร์ ยิงคนมันทำให้วันนี้ดูสดใสขึ้น ต้องไปแล้วล่ะ ว่าจะยิงเพิ่มอีกนะ สนุกมากเลย” สุดท้ายเจ้าหน้าที่พยายามต่อรองเบรนด้าที่เริ่มหิวข้าวด้วยเบอร์เกอร์คิง เบรนด้าเลยยอมออกมา เบรนด้าในวัยสิบหกปีก็ถูกจับข้อหาฆาตกรรมและใช้อาวุธทำร้ายคนอื่น ถูกตัดสินให้จำคุก 25 ปีถึงตลอดชีวิต ตอนที่ขึ้นศาลเธอก็ไม่แสดงความรู้สึกอะไร ไม่ได้ดูเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ถึงเบรนด้าจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ศาลก็ตัดสินแบบเกณฑ์เดียวกับผู้ใหญ่เพราะการกระทำของเธอรุนแรงมาก พ่อแม่และกลุ่มเด็กๆ เกิดแผลใจและจิตใจโดนกระทบกระเทือนอย่างหนัก คดีกินเวลาอยู่สองปี พอเบรนด้าอายุสิบแปดก็ได้ไปอยู่ในทัณฑสถานหญิงแห่งแคลิฟอร์เนียแบบยาวๆ เบรนด้าถูกวินิจฉัยว่ามีอาการโรคลมชักและมีอาการทางจิต เบรนด้าพยายามยื่นอุทธรณ์อยู่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เพราะทางศาลมองว่าเธอดูไม่มีความสำนึกเสียใจเลยให้ติดคุกต่อไป และเธอยังให้ข้อมูลขัดแย้งในตัวเอง อ้างว่าตัวเองเสพยาตอนก่อเหตุ แต่ตอนตรวจก็ไม่เจอสารเสพติด เบรนด้าเลยพยายามบอกว่า สาเหตุที่เธอลงมือเป็นเพราะเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากถูกพ่อล่วงละเมิดทางเพศ แต่ศาลก็มองว่าเธอเอาโรคมาอ้าง ส่วนที่พ่อของเธอล่วงละเมิดเธอจริงมั้ยนั้นไม่มีข้อมูล มีข้อมูลแค่ว่าพ่อเธอได้แต่งงานกับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดที่เคยเป็นเพื่อนร่วมคุกเดียวกับเบรนด้า พ่อของเบรนด้าปฏิเสธว่าเขาไม่เคยล่วงเกินลูกสาวตัวเอง แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าสาวของพ่อหน้าตาคล้ายกับลูกสาวตัวเอง แถมอายุห่างกันคร่าวลูก ด้านเบรนด้าเองก็บอกว่านอกจากพ่อจะล่วงละเมิดเธอแล้ว การที่พ่อให้ของขวัญเธอเป็นปืนไรเฟิล ก็ไม่ต่างอะไรจากการไล่เธอไปตาย เรื่องราวของเบรนด้าได้ถูกวงดนตรีที่ชื่อ The Boomtown Rats นำไปแต่งเพลงที่ชื่อว่า I Don’t Like Mondays ซึ่งถูกปล่อยออกมาปีเดียวกับที่เกิดเรื่อง กลายเป็นเพลงฮิต ทำให้เกิดกระแสเรื่องราวของเบรนด้า แต่หลายคนก็มองว่ามันไม่โอเคที่ไปทำให้ฆาตกรเป็นที่สนใจ ไม่เคารพผู้เสียชีวิต ปัจจุบันเบรนด้าอายุได้ 60 ปีแล้ว ยังคงอยู่ในคุก และปีนี้เธอจะได้โอกาสยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันประเทศจากมหาวิทยาลัยเยลซึ่งตรวจสอบเธอกล่าวว่าเธออยู่ใน “สถานะที่ไม่เกี่ยวข้อง” เขากล่าว เขาแสดงจดหมายที่เขียนด้วยลายมือเรียบร้อยที่เธอส่งให้เขาในปี 2015 ซึ่งเธอเขียนว่าชื่นชม “สิ่งที่ฉันทำนั้นแย่มาก ดังนั้นฉันจึงไม่บ่นเกี่ยวกับระยะเวลาที่ทำไปแล้ว” เธอยุ่งอยู่แต่หลังลูกกรงด้วยการเรียนภาษาละติน “เพื่อความสนุก” เธอกล่าว
Mr. McGlinn กล่าวว่าเธอไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ปืน และกล่าวโทษว่า “พ่อของเธอประมาทเลินเล่ออย่างที่สุดและการเลี้ยงดูที่เลวร้ายอย่างไม่น่าเชื่อในการมอบปืนให้เธอ” อย่างน้อยหนึ่งในเหยื่อของสเปนเซอร์เห็นด้วย Mary Rintoul อายุ 9 ขวบตอนที่เธอถูกยิงในการโจมตี มีความรู้สึกผสมปนเปกับการปล่อยเธอออกมา แต่หลังจากทำงานในโรงพยาบาลจิตเวชมา 13 ปี เธอบอกว่า “เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงไปตามถนนที่เธอทำ … เธอไม่เคยได้รับความช่วยเหลือที่เธอต้องการเลย” แต่เธอก็ยังสงสัยว่าสเปนเซอร์จะ “ตะครุบอีกครั้ง” ได้หรือไม่ หรืออย่างที่วิลเฟรด ซูชาร์ ลูกชายของผู้ดูแลโรงเรียนที่ถูกสังหาร กล่าวในการพิจารณาทัณฑ์บน: “คำถามของฉันคือ จะมีวันจันทร์ที่น่าเบื่ออีกวันสำหรับเธอไหม”